Tuesday, June 27, 2006

เลข9




นับย้อนไปเกือบ10วันที่แล้ว มีโอกาสได้ดูละครใบ้ด้วยการอนุเคราะห์จากเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ในการดั่งด้นไปหาบัตรมาให้ ซึ่งจักขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย เท่าที่รู้เราไม่ได้เป็นคนเดียวที่มันโทรไปบอกบุญครั้งนี้ นอกจากจะโทรบอกเพื่อนๆแล้ว มันยังยินดีแบกรับค่าบัตรเกือบสองหมื่นบาทไว้เพียงผู้เดียว อย่างนี้ป๋าเรียกพี่จริงๆ มันเป็นละคอนใบ้ที่ถูกจัดเป็นครั้ง 9 ในประเทศไทย ในระหว่างที่นั่งรอพักครึ่งให้หมดลง ก็มีอะไรบางอย่างที่สะกิดให้ตัวเองมองไปที่เสื้อของสตาฟละคอนทั้งหลายแหล ที่หลังเสื้อสกรีนเลข 9 ตัวเบ่อเริ่ม วินาทีนั้น เลข9 ทุกตัวที่เคยผ่านตามาก็ค่อยๆสร้างภาพที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในสมองที่ว่างเปล่า และมือที่เต็มไปด้วยลูกชิ้นปลาทอด

9 แรกของปีนี้คงเริ่มที่เลย9 ของปีพุทธศักราข 2549
9ที่สองคือ9ของวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เวลา 9.09 น.
วันที่ยายคนเดียวของเราในวัย 91 ปีได้หลับตาลงตลอดกาล
9ที่สาม คือ9ของ49วันที่ต้องใส่ชุดดำเพื่อไว้อาลัยให้ยาย
9ที่สี่ คือเก้าของวันที่ 9 มิ.ย.2549 ของการเฉลิมฉลองการครองศิริราชย์สมบัติของกษัตริย์ลำดับที่ 9 ในราขวงศ์จักรี
อันเป็นที่รักและเทอดทูนยิ่งของประชาชนทั้งประเทศ
9ที่ห้า คือเก้าของละคอนใบ้ครั้งนี้ที่ได้ดูด้วยความไม่ตั้งใจ
และหนีงานวันเกิดแม่มาดู ในบัตรราคา 900 บาท.
เก้าสุดท้ายนี้ทำเอาเงินหร่อยหรอไปเยอะที่เดียว
แต่ถ้าเทียบกับความสุขที่ได้นับ ก็นับว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง
เท่าที่จำได้คงมีอยู่เท่านี้แหละ
แต่ก็คงมีอะไรผ่านหูผ่านตาไปอย่างรวดเร็วเหมือนเวลาที่เร่งด่วนในปัจจุบัน
เวลาที่ใครหลายๆคนรวมทั้งเราบ่นว่าไม่มีเวลา
ดั่งที่ในหลวงได้ตรัสเอาไว้ว่าอย่าได้บอกว่าไม่มีเวลาทำอะไรเพราะท่านก็มีเวลาเท่ากับอัลเบริต ไอสไตล์ และ กาลิเลโอ
(หากยกประโยคมาผิด หรือกล่าวไปไม่ครบถ้วน ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย)

รำพึง

"เป็นหรือไม่เป็น นั้นคือปัญหา"
แฮมเล็ท-เชคสเปียร์
"วันหนึ่งเราเดินไปมาอยู่บนโลก แต่วันพรุ่งเราก็ตายและหายสูญ"
ประโยคที่ยกมานี้คงจะเข้าได้ดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
หลายอย่างช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว
คิดหยุดนิ่งเพียงเสี้ยว ก็หันหลังไม่เจอที่มาและจุดเริ่มต้นใดใด
หากเราลืมเลือนทุกอย่าง อย่างง่ายดาย วันนึงเราคงไม่รู้ว่าชีวิตมีค่ามากมายสักแค่ไหน
การที่ได้เกิดและอยู่ร่วมกับคนที่รักช่างเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่
...