Saturday, April 19, 2008

ตื่น

บางที การพยายามเข้าใจใครมากๆสักคน
มันก็ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต
บางที การพยายามจริงใจกับใครมากๆสักคน
ก็ดูเป็นเรืองเปิดเผยครั้งใหญ่ในชีวิตอีกเหมือนกัน
...
แต่เพราะความพยายามนี่มั่งทำให้บางทีเราก็ได้เพื่อนแท้กลับมา
แล้วอย่างนี้จะเสียใจให้กับความพยายามไปทำไม
ในเมื่อสิ่งที่ได้กลับมามันคุ้มค่ามากมาย..

วันนี้มีเวลาอยู่กับตัวเองหนึ่งวันเต็มๆ
ความคิดวนเวียนไหลผ่านเข้าออกสมองซ้ายและขวา
มันเป็นการใคร่ครวณมากกว่าฟุ้งซ่าน
พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น และตรึกตรองมัน

ความเข้มข้นต่อส่ิงที่ทำ และสิ่งที่สะท้อนออกมาจากคนอื่น
ความคาดหวังต่อตัวเองในช่วงอายุที่ก้ำกึ่งระหว่างความเห่ยกับความแก่
และความคาดหวังให้ตัวเองสามารถรับผิดชอบชีวิตตัวเอง และคนอื่น
มันช่างยากเย็นและหนักอึ่ง

การคุยกับตัวเองในหนึ่งวัน
ทำให้รู้แค่ว่า จงตั้งสติ และทำมันต่อไปแค่นั้น!!

Tuesday, April 15, 2008

วันหยุด

นอนกลิ้งไปกลิ้งมา อย่างมีความสุข

Saturday, April 12, 2008

การทดลอง


วันนี้ได้ลองนั่งนิ่งๆ
ค่อยๆเข้าไปค้นความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง
ค่อยๆทบทวนสิ่งที่ผ่านมา เป็นอยู่ และอนาคต(จากการคะเน)

ยิ่งค้น ยิ่งทำให้ตัวเองจมดิ่ง
ยิ่งค้น ยิ่งเจอแง่มุมในชีวิตที่ถูกลืมๆไป
ผู้คน สิ่งแวดล้อม และการใช้ชีิวิต
มันคือทุกอย่างที่ทำให้เรา ได้เป็นเราในทุกวันนี้
เดี๋ยวยิ้มได้ เดี๋ยวจิตตก ไม่่ก็ทำตัวนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา
ดี หรือไม่ดี ไม่รู้ รู้แต่ว่าบางทีก็ชอบ บางทีก็ไม่

ไม่แปลกนิ ที่เราจะไม่ชอบตัวเองในบางที
สิ่งที่ค้นพบและไม่ชอบมากที่สุดคือ
โรคชอบทำอะไรตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง
คนที่โดนกระทบแรงที่สุด จะเป็นคนที่มีอิทธิพลกับตัวเรามากที่สุด

วันนี้ได้ฟังประโยคที่บอกว่า
ถ้าเราไม่ชอบในสิ่งที่คนอื่นทำ
ก็แสดงว่าตัวเราเองก็มีสิ่งนั้นอยู่เหมือนกัน
ฟังแล้งก็งงๆ ไม่ได้ถามอะไรต่อ

แน่นอนว่าสิ่งนึงที่รู้ในวันนี้คือ
กว่าจะเอาตัวเองออกมาจากข้างในได้
เกือบตายจริงๆ

Friday, April 11, 2008

ณ วันที่ว่างเปล่า

วันนี้เป็นวันที่รู้สึกเหมือนตัวเองหายใจทิ้ง
ไร้สาระ และเปราะบางจนน่ารำคาญ
นี่คือความเป็นตัวตนที่สำแดงออกมาเหรอ ไม่แน่ใจ
รู้แต่ว่า ไม่ชอบ และไม่พึงที่จะเป็นอย่างนี้ต่อไป
แต่ทำยังไงละ การปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งไปในห้วงอารมณ์บางที่ก็เหมือนจะสนุกดี
แต่กว่าจะเอาขึ้นมาได้ และหายใจอย่างปกติมนุษย์ก็ดูจะเป็นเรื่องยากเย็นซะเหลือเกิน

สองสามวันก่อนได้รับรู้ความทุกข์ของคนอื่น ถึงแม้ไม่พูดก็เข้าใจว่ารู้สึกยังไง
เพราะเคยเป็น เพราะเป็นอยู่ และมันยังเป็นต่อไป

ชีวิตคนเรา เปราะบาง หรืออ่อนแอ ไม่แน่ใจสำหรับสองคำนี้
ความกลัวที่จะเจ็บ ทรมาร หรือทุกข์
ถ้าใครหลีกเลี่ยงที่จะเป็นได้ ถือเป็นเรื่องดีที่มีความสามารถพิเศษนี้
แต่จะหลอกตัวเองได้นานขนาดไหนละ
การเผชิญหน้า แม้จะเป็นเรื่องเจ็บปวด
แต่ครั้งนึง เราก็ควรทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างไม่ใช่เหรอ

ครั้งนึงที่ได้กล้า และลองทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการบ้าง
มันก็ทำให้ได้รู้ถึงความรู้สึกดีๆต่อคุณค่าของชีวิต และมันก็ดูสวยงามอย่างนั้นจริงๆ
ถึงแม้สุดท้ายมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ อย่างน้อยก็ได้ทำและไม่เสียใจเลยจริงๆ
ยอมรับว่าบางทีก็ไม่ได้สามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดีขนาดนั้น
ใครหลายคน อาจเบื่อกับความขึ้นๆลงๆได้ไม่เว้นนาทีของเรา
แต่นั้นมันหมายความว่าฉันยังมีชีิวิตอยู่ ถึงแม้มันจะไม่สวยงาม แต่มันก็คือชีวิตและความรู้สึกนิ

การภาวนาของฉันมันคือ การฉีดยาชาจริงๆ
สุดท้ายถ้าไม่เข้าใจตัวเองมากพอ ยามันก็เข้าไปรักษาไม่ได้
เหมือนยาแก้ปวด ปวดที ก็กินที แต่ไม่เคยรู้ว่าการปวดมาจากไหน
นั้นคงเป็นเพราะฉันเป็นคนความอดทนต่ำ การได้ฟังเทศน์ทั้งชม. คงเป็นไปได้ยาก
บางทีก็จำแต่ประโยคสวยๆหรูๆ แล้วก็เอามาเชื่อมโยงเอง เยียวยาตัวเองจากประโยคนั้นประโยคเดียว แต่ก็ไม่ได้เข้าใจจริงๆว่ามันคืออะไร แล้วสองสามวันผ่านไป มันก็เป็นเหมือนเดิม

หลายคนคงเห็นว่าเรามีความสุขกับชีิวิตดี แต่เปล่าเลย
ยิ่งเฉพาะช่วงนี้ รู้สึกตัวเองไร้ค่า งานที่กองอยู่ตรงหน้า ไม่มีแรงที่จะหยิบทำมาขึ้นมา
ไม่ใช่เพราะเบื่อ หรืออะไร แต่เท่าที่รับรู้ตอนนี้มันเพราะตัวเองขาด ขาดความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ต้องการ และพยายามในการไขว่ขว้า
ถึงแม้จะลดน้อยมาก แต่มันก็ยังมีอยู่่ และนอนหลับเหมือนยักษ์ในถ้ำ
วันนึงถ้าใครปาหินใส่ มันคงตื่นขึ้นมาอาละวาททันที

หลังจากได้อ่านสิ่งที่เป็นไปในโลกของตัวเองในช่วงสองปีที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ยักษ์ตัวนี้อยากหาทางออกไปยากถ้ำ เจอแสงตะวันอย่างเต็มใจ โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาขว้างปาอะไร
มุมมองต่อชีิวิต แม้จะดูอ่อนโยน แต่นั้นหมายถึงความจำใจที่ไหลคู่กันไปอย่างเอื่อยๆ
รับรู้อยู่คนเดียว และเปราะบางตามลำพัง

Thursday, April 10, 2008

ความก่อน เก่าเก็บ

น้องคนนึงเคยถ่ายทอดบทกลอนบทนึงให้ฟัง มีใจความส่วนนึงว่า...

Someone, on the other side, opens a door.
Perhaps, behind that door,
there is no other side.

มันคงจะเป็นอย่างนั้น ในเหตุการณ์ตอนนี้
ใครละที่เราคิดว่าจะยืนรออยู่ที่ประตูอีกด้านนึง
ความอบอุ่น ความสบายใจ หรือว่าความเป็นเจ้าของ

คาดหวังอะไร ผ่านแผ่นไม้แผ่นบางๆ
กับอีกฝากฝั่งที่แทบไม่เคยได้เรียนรู้กัน....
......

บทความข้างบนเป็นผลจากการขุดขุ้ยบลอคของตัวเองจนกระจุย
เลือกและส่งเข้าประกวดกันอย่างสูสี
แต่สุดท้ายก็เลือกอันนี้ ไม่รู้ทำไม ไม่มีเหตุผล
.......

วันนี้อยากจะขอบคุณเพื่อนคนนึง
ขอบคุณมากสำหรับบทสนทนาในทุกๆวัน
และที่มากไปกว่านั้น คือวันนี้ได้ทำให้เราได้นึกถึงข้อความที่เขียนทิ้งไว้ในบลอคของตัวเอง

ทั้งวันเลยหมดไปกับการอ่านมันตั้งแต่บทแรก จนบทสุดท้าย
บางอันช่างปัญญาอ่อน บางอันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเขียนมันขึ้นมาได้
เหมือนได้เห็นตัวเองในช่วงสองปี ไหลผ่านตัวหนังของคนอื่น

สุดท้ายแล้วที่เคยคิดว่ามันยากลำบาก ก็ผ่านมาได้แล้วทั้งนั้น
แล้วเรื่องราวต่างๆก็ถูกจดเป็นแค่ตัวหนังสือ รอเวลาที่เราจะกลับมาอ่านมันอีกครั้ง
อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้เราลืมว่าเคยผ่านอะไรมาบ้าง เคยรู้สึกอะไรมาบ้าง
ไม่ให้ตายด้าน และเตือนว่าเรายังมีหัวใจอุ่นไว้เพื่อรักตัวเอง และคนอื่นเสมอ

เข้มแข็งไว้

เราเอง:)

Wednesday, April 09, 2008

ปราย' พันแสง1

"พลทหารกับเจ้าหญิง" บทนี้ ฉันเขียนขึ้นมาจากบทตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง Cinema Paradiso เรื่องราวมีอยู่ประมาณนี้
...............
....

ทหารหนุ่มแอบหลงรักเจ้าหญิงเลอโฉม
เขาตระหนักถึงความสูงส่งของเธอ
เฉกเช่นเดียวกับที่ตระหนักถึงความต่ำต้อยของตน
แต่เขายังรวบรวมความกล้า
เดินเสี่ยงตายเข้าไปบอกเธอว่า'รัก'
และจะอยู่บนโลกต่อไปโดยไม่มีเธอ--ไม่ได้
เจ้าหญิงผู้เป็นดวงใจตอบเขาว่า
ถ้าเขาสามารถรอคอยอยู่ใต้ระเบียงห้องเธอ
ได้ติดต่อกัน 100 วัน 100 คืน เธอจะเป็นของเขาตลอดไป
ณ ใต้ระเบียง ทหารหนุ่มเฝ้ารอคอยอยู่ตรงนั้น
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า
โดยไม่ยอมขยับเขยื้อนกายไปไหน
เขารอคอยในสายลมบาดผิว
รอคอยในสายฝนกระหน่ำ
รอคอยในความหนาวเหน็บของหิมะ
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า
โดยมีเจ้าหญิงของเขาเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา
เธอเห็นหยาดน้ำตาของเขาพรูพราวเป็นสาย
จนกระทั่งในคืนที่ 99
ทหารหนุ่มหยุดร้องไห้
หยุดรอคอย หยุดทุกอย่างไว้
แล้วหันเดินจากไป



ฉันคิดว่าบางทีพลทหารอาจจะไม่คิดจะครอบครองเจ้าหญิงตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ แต่การที่เขายอมทนทุกข์ทรมานอยู่นานถึง 99 วัน 99 คืน ก็เพื่อพิสูจน์ให้เธอเห็นว่า เขารักเธอจริงๆ แค่พิสูจน์ให้เห็น แต่ไม่ต้องการครอบครองไว้

ปราย' พันแสง 2

ฉันชอบทำงานกับเพื่อน กับคนสนิท ถึงกล้าคิดการใหญ่กับคนรัก ฉันชอบทำงานกับคนใกล้ชิดคุ้นเคยที่เรารู้จักรู้ใจกันดี การทำงานกับคนที่จริงใจต่อกัน ถ้ามันเวิร์ค มันจะทำให้ชีวิตเราใกล้ชิดผูกพันกันแนบแน่นมากกว่าอย่างอื่น ...บางคนอาจจะไม่ยอมเสี่ยงอะไรแบบนี้ แต่ฉันไม่กลัวหรอก ...ฉันยอมแลก