Thursday, July 31, 2008

.

เหนื่อยบ้างมั้ยแก?
พักบ้างนะ
...
เอนหลังนอน
ปล่อยมันไป
วางมันลงบ้าง
...
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
มันจะเป็นเช่นนั้นเอง

Wednesday, July 30, 2008

สภาวะธรรม

เค้าว่ากันไว้ว่า..
หากครั้งนึง เราได้จมอยู่กับเรื่องสักเรื่องอย่างเข้มข้นเป็นเวลานาน
จิตที่ทำงาน ไปพร้อมๆกับร่างกายนั้น จะจดจำและซึมซับเรื่องนั้นเข้าไปโดยอัตโนมัติ
บางทีเราอาจจะรู้ตัว หรือไม่รู้ตัว แปลกดีนะเจ้าจิตเนี่ย
ไอ้ที่เจ็บปวด ทรมาร เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีเนี่ย
จู่ๆ เมื่อถึงวันที่ต้องเผชิญหน้า กลับกลายเป็นว่ามันหายไปซะเฉยๆ
ความเจ็บปวดติดปีกไปแล้ว ความทรมารมุดลงดินไปตั้งแต่เมื่อไร
ไม่ทันได้รู้ตัว ทำไม? งง?

จิตมันจำได้ว่ามันเกิดมาได้อย่างไร และดับไปได้อย่างไร
เหมือนหนังโปรดสักเรื่องที่กรอดูแล้วดูอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก
จนจำได้ว่าแต่ละคำพูด แต่ละประโยคของดาราตัวโปรดเค้าพูดไรกันบ้าง
ไอ้ฉากที่ตื่นเต้นๆ ก็ผ่านตามานับครั้งไม่ถ้วน พอเอามาดูเพิ่มอีกซักรอบ จากตื่นเต้นก็เลยกลายเป็นเฉยๆซะอย่างนั้น
ก็มันจำได้นิว่ามันจะยิงกันตอนไหน แล้วจะตื่นเต้นทำไมละ

แล้วเค้าก็เลยว่ากันอีกว่า..
นั้นเรียกได้ว่า เราพบแล้วซึ่งสภาวะธรรมของกิเลสอย่างหยาบ
ใช่..มันหยาบ มันคือความสงสัย ความน้อยใจ และความโกรธ
แสดงว่าที่ละเอียดกว่านี้ น่าจะสาหัสไม่น้อยเลยทีเดียว
แค่คิดก็สยองแล้ว..

อะ กลับมาอยู่กับปัจจุบันและรอดูการมาของหนังเรื่องต่อไปกันเถอะเรา :)

Sunday, July 27, 2008

ปรุงชีวิต

เป็นเวลาเกือบ3 เดือนแล้วที่ปล่อยให้ตัวเองเป็นคนไร้การงาน
มีเรื่องราวมากๆที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ทั้งดี และร้าย
คล้ายกับโลกยังคงต้องการทดสอบความแข็งแกร่งทุกวินาทีที่ยังหายใจ

มีคนเคยบอกว่า ความสุขมันก็ลอยอยู่ในอากาศ..
งั้นความทุกข์ก็คงเช่นกัน สุดแท้แต่เราจะเลือกรับอะไรเข้ามา
คงเพราะเป็นคนสีเทาๆ เลยมีทั้งสองอย่างวนเวียน สลับกันไปมา

ยังคงตั้งคำถามกับความต้องการของชีวิตไม่เว้นนาที
ความไว้วางใจ ดูเรียบง่าย แต่ทำยากเหลือเกิน
สมองน้อยๆ กับความตั้งใจพอสมควร ยังไม่สามารถพาไปเจอคำตอบได้
คงต้องพยายามใส่ความวางใจในส่วนผสมมากกว่านี้

ชีิวิตคงเหมือนการปรุงอาหาร ทุกอย่างควรสมดุล
ถึงจะลงตัว ถึงจะอร่อย
เปรี้ยวไป สำหรับบางคนก็ไม่ถูกปาก
เผ็ดไป สำหรับบางคน คงรับเข้าปากไม่ได้เลย

ความกลมกล่อมสิ ถึงจะเป็นสิ่งที่หลายคนปราถนา
มีมาตราฐาน ยอมรับ และไม่เปลี่ยนแปลง
แต่นั้นหรือ ที่เรียกได้ว่าชีวิต เรียกได้ว่ากำลังมีชีวิต

คนเรา..ในระหว่างปรุงชีิวิตในสูตรของตัวเอง
คงมีบ้างที่ทำมีดบาดนิ้ว ทำจานแตก ทำหม้อตกใส่เท้า
แต่นั้นก็ทำให้เราใช้มีดในครั้งถัดมาชำนาณขึ้น
จับจานให้มั่นคงขึ้น และคอยดูแลหม้อให้อยู่ในที่ของมัน

มันคือบทเรียน ไม่ใช่ตราบาป
เรียนรู้และเดินต่อไป

ทุกสิ่งทุกอย่างมักจะมาและผ่านไปตามเวลาของมัน
สุดท้ายจะเหลือเพียงตะกอนของความทรงจำ
ที่นอนนิ่ง และเงียบเชียบอยู่ในหัวและในใจ
ยังชื่นใจ...ทุกครั้งที่ได้นึกถึง

สูตรชีวิต ที่ไม่มีใครเหมือน และคงไม่เหมือนใคร
ถึงแม้รสชาดอาจยังไม่ถูกปากใครๆ
แต่มันปรุงด้วยใจ ใจที่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร

วันนี้มันอาจจะเค็มไปบ้าง เพราะน้ำตาไหลง่ายไปหน่อย
แต่จะพยายามเต็มหวานด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะบ่อยๆ
อีกไม่นาน มันคงจะลงตัว..ในสักวัน

เวลานี้

เปราะ และ บาง

Wednesday, July 23, 2008

มิตรภาพ

มิตร คือคำตอบต่อความต้องการของเธอ
เขาเป็นเสมือนท้องทุ่ง...ที่เธอหว่านด้วยความรัก
และเก็บเกี่ยวด้วยความขอบคุณ
และเขาเป็นดุจโต๊ะอาหารและร่มไม้ของเธอ

ด้วยเหตุว่า เธอมาสู่เขาด้วยความหิวโหย
และเธอใฝ่หาเขาด้วยความสงบใจ
เมื่อเพื่อนพูดเปิดอก เธอย่อมไม่กลัวที่จะขัดแย้งหรือสนับสนุน
และเมื่อเขานิ่งเงียบ ดวงใจของเธอก็มิได้หยุดฟังสำเนียงจากดวงใจของเขา
เพราะในมิตรภาพนั้น ความนึกคิด ความปรารถนา และความมุ่งหวังทั้งหลาย
ย่อมอุบัติขึ้นและร่วมรับรู้ด้วยกันในความสงัด
และด้วยความปราโมทย์อันไร้คำกล่าวใดๆ

เมื่อยามต้องจากเพื่อน เธอก็ไม่เศร้าโศก
เพราะคุณธรรมในเขาอันเธอรักยิ่งนั้น จะปรากฎชัดแจ้งขึ้นในยามห่างไกล
เช่นเดียวกับที่ชาวเขาจะเห็นยอดผาชัดแจ้ง ก็ต่อเมื่อมองจากทุ่งหญ้าเท่านั้น

และขออย่าได้มีความมุ่งหมายใดๆ ในมิตรภาพเลย
นอกจากเพื่อขยายดวงวิญญาณให้กว้างขวางลึกซึ้งขึ้น
เพราะความรักที่มุ่งหวังสิ่งใดอื่น...
นอกจากเพียงเพื่อเปิดเผยความล้ำลึกของตนเองนั้น...มิใช่ความรัก
แต่เป็นร่างแหที่ถูกเหวี่ยงทอดออก และจะจับเอาไว้ได้ก็แต่สิ่งที่ไร้คุณค่าเท่านั้น
และจงให้สิ่งที่ดีที่สุด แก่มิตรของเธอ

ถ้าหากเขาจำต้องรู้ระดับน้ำของเธอขณะน้ำลด
ก็ขอให้เขาได้รู้ขณะมันเอ่อท่วมท้นด้วย

เพื่อนที่เธอแสวงหา...
เฉพาะขณะเมื่อยามต้องการฆ่าเวลานั้น ...จะมีคุณค่าอะไร
จงใฝ่หาเขา ขณะที่เธอปรารถนาจะดำรงอยู่อย่างแท้จริงด้วย
เพราะเขามีหน้าที่ ...อันจะทำความปรารถนา
มิใช่ ความว่างเปล่าของเธอให้เต็มเปี่ยม

และในความหวานชื่นของมิตรภาพ
ขอจงมีเสียงหัวเราะและการร่วมเริงบันเทิง
เพราะในหยาดน้ำค้างของสิ่งเล็กน้อยนั้นเอง
ดวงใจจะได้พบรุ่งอรุณของมัน...และกลับสดใสอีก

คาลิล ยิบราน
http://www.olddreamz.com/bookshelf/prophet/prophet.html

Saturday, July 19, 2008

.

sometime somewhere
someone should say
"something"

Thursday, July 17, 2008

ทางสายใน

....

อย่าเกลียดตัวเองเมื่อล้มเหลว อย่าหลงตัวเองเมื่อสำเร็จ
แต่จงเรียนรู้จากเรื่องราวเหล่านั้นและใช้มันเป็นแสงสว่าง
เมื่ออยากเป็นหนึ่งเดียวกับเส้นทาง ต้องกำจัดสิ่งกีดขวางคืออัตตา
ชีวิตที่นำโดยอหังการ์ ย่อมไม่มีวันได้ก้าวไกล
จงอาศัย “ดวงจิตของผู้เริ่มต้นใหม่” เผาสลายอวิชชา

จงเดินทางดั่งสายน้ำ ที่ไม่ยึดในรูปลักษณ์
พร้อมไหลเชี่ยวกลางภูผา พร้อมไหล่บ่าจากขุนเขา
สงัดนิ่งซ่อนเงาในหุบเหวใต้ร่มวนา
ทั้งคดเคี้ยวและเลี้ยวโค้ง ทั้งเหยียดตรงและแผ่กว้าง
ผ่านทุ่งโล่งอ้างว้าง เพื่อคืนกลับท้องทะเล

แล้ววันหนึ่งเมื่อถูกถามว่าคือใคร เธออาจให้คำตอบ
เธอมิใช่สิ่งนั้น เธอมิใช่สิ่งนี้ เธอมิใช่ความชั่ว มิใช่ความดี
หากเธอคือเธอ...เท่าที่เป็นอยู่ เป็นมา และเป็นไป
ใช่...เธอคือความเคลื่อนไหว ดั่งดวงดาวเคลื่อนโคจร

วันที่พบตัวเอง คือวันที่เธอรู้สึกดีกับตัวเอง โดยไม่ต้องชี้แจงต่อผู้ใด
ในวันนั้นเธอกอดกับหมาข้างถนน หรือแบ่งความจนกับเพื่อนมนุษย์
ทั้งหมดนี้หากเกิดขึ้นอย่างพิสุทธิ์ แล้วมันจะเป็นไร
ความรู้สึกดีๆ...ไม่มีคำอธิบาย
....

เสกสรรค์ ประเสริฐกุล

Wednesday, July 16, 2008

Monday, July 14, 2008

Quote number09 -10

สิ่งที่เราทำได้ภายในตัวเอง
จะเปลี่ยนแปลงความจริงในโลกภายนอก
(What we achieve inwardly will change outer reality)
พลูทาร์ก นักประพันธ์กรีก

ชีวิตก็เหมือนกับนิทาน:
ไม่สำคัญว่ามันยาวแค่ไหน
หากสำคัญว่ามันดีเพียงใด
(As is a tale, so is life: not how long it is,
but how good it is, is what matters)
เซเนกา คนโรมันโบราณ

Saturday, July 12, 2008

หนังสั้นเรื่องนึงบอกไว้ว่า


แสงอาทิตย์ใช้เวลา 8.4 นาที
กว่าจะเดินทางมาส่องแสงให้โลกที่เราอยู่

ฉะนั้นแสงที่เราเห็นอยู่
มันคืออดีตที่เกิดขึ้นเมื่อ 8.4นาทีที่ผ่านมา

ถ้าแสงดวงอาทิตย์ดับลงไป
อีก 8.4นาทีต่อมา โลกก็จะมืดดับลง

ถ้าเปรียบตัวฉันเป็นดวงอาทิตย์
แล้ววันนึง..แสงของฉันดับลง
จะมีโลกของใครมั้ยที่จะมืดดับตามไป
...

Friday, July 11, 2008

แง่งาม

แอบไปแวะเวียนในบล๊อคพี่นิ้วกลม
เลยได้อ่านcomment ดีๆของคนอ่านหัวใจอิ่ม
มันดี จนอยากขอเอามาแปะไว้ในบล๊อคตัวเอง
อ่านสิ..จะได้ยิ้มแฉ่ง :)

เพลงพิเศษเนื่องในโอกาสฉลองสามสิบปี มาม่า
คำร้องโดย ประภาส ชลศรานนท์
ทำนอง ธานินทร์ เคนโพธิ์
ขับร้อง ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว
---------------------------------


เคยมีดังหวัง เคยนั่งยอมแพ้
มีเปลี่ยนแปรผันไปทุกปี
ผ่านทั้งร้อนหนาว ข่าวทั้งร้ายดี
ทุกคนต่างมีชีวิตของตัวเอง

เคยวิ่งตามฝัน เคยหวั่นลมฝน
ได้หม่นได้หมองได้ร้องเพลง
หมื่นพันเรื่องราว เศร้าและครื้นเครง
ทุกที่ต่างมีความงดงามอยู่

* ชีวิตไม่เคยมีทางตัน
มันอยู่ตรงจะเห็นเป็นมุมใด
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
สุขมันอยู่ข้างในทุกตัวคน

เดินขึ้นภูเขา ใช่มองแต่จุดหมาย
เมฆหมอกดอกไม้ก็ใกล้กัน
สิ่งที่สวยงาม เกิดขึ้นทุกวัน
สำคัญที่เราได้หันไปมองดู

( * )

เพื่อนรัก

เรื่องเล่า ว่า.... มีคน 2 คนเป็นเพื่อนซี้กัน..
ต่างร่วมเดินทางไปในทะเลทรายด้วยกัน... ระหว่างทาง...
เกิดโต้เถียงขัดแย้งไม่เข้าใจกัน เพื่อนคนหนึ่ง...พลั้งลงมือ...ตบหน้าอีกฝ่าย
คนถูกทำร้าย...เจ็บปวด...แต่ไม่เอ่ยวาจา... กลับเขียนลงบนผืน ทรายว่า
'วันนี้...ฉันถูกเพื่อนรักตบหน้า'

พวกเขายังคงเดินทางต่อ...กระทั่งถึงแหล่งน้ำพวกเขา
ตัดสินใจอาบน้ำ...ชำระกาย...พลันคนที่ถูกตบหน้ากลับจมน้ำ...
เพื่อนอีกคนไม่รั้งรอ...เข้าช่วยชีวิต คนรอดตาย...ยังคงไม่เอ่ยวาจา...กลับสลักลง ไปบนหินใหญ่...
'วันนี้...เพื่อนรักช่วยชีวิตฉัน ไว้'
อีกคนไม่เข้าใจ...ถาม ว่า...
'เมื่อถูกฉันตบหน้า...เธอเขียนลงทราย...แล้วทำไมเมื่อครู่...ต้องสลักบน หิน'

อีกคนยิ้มพราย...กล่าว ตอบ
' เมื่อถูกคนที่รักทำร้าย...เราควรเขียนมันไว้บนทราย
ซึ่งสายลมแห่งการให้อภัย...จะทำหน้าที่พัดผ่าน...ลบ ล้างไม่เหลือ
แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีมากมาย... บังเกิดเราควรสลักไว้บนก้อนหินแห่งความทรงจำในหัวใจ... ซึ่งต่อให้มีสายลมแรงเพียงใด...ก็ไม่อาจ ลบล้างทำลาย....'

จากข้อความที่น้องรักส่งผ่านมา
เพื่อเตือนสติ
เพื่อให้รู้ว่ายังมีความงดงาม
และเพื่อทีจะมีรอยยิ้มให้กับคนอื่นๆต่อไป
ขอบคุณจริงๆ

Saturday, July 05, 2008

คำใหม่ประจำวันนี้

"ความไว้วางใจ"

ไว้วางใจ...ในธรรมชาติ
ไว้วางใจ...ในเวลา
ไว้วางใจ...ในความเป็นเช่นนั้น
...

ไว้วางใจ...อะไร?

..

ในวันที่ไม่สามารถเข้าBlog ตัวเองได้
มีเรื่องราวมากมายที่อยากจะจดบันทัก
แต่ทว่า..ในวันนี้มันลืมไปหมดแล้ว
นึกแทบไม่ออก ว่าเวลาที่ผ่านมา..
ได้ไปเจอะ..ไปเจออะไรมาบ้าง

เหน่ือย..ที่จะนึก
เหนื่อย..ที่จะจำ
เหนือย..แม้กระทั่งจะหาคำตอบ
เหนื่อย..

Thursday, July 03, 2008

ทำไมๆๆๆๆ

เข้าบล๊อคตัวเองจากเครื่องน้องแมคม่ายยยด้ายยยยย
ม่ายยยยยยเข้าจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
(ยืมเครื่องชาวบ้านมางอแง...เห้อออออ)