Monday, October 16, 2006

เรือนไทย part 1

เวลาเกือบบ่ายสาม ระหว่างนั่งรอเวลา ตัดสินใจหันหลังให้กรุงเทพสักวัน
โทรหาพี่ชาย...วันนี้ไปกินข้าวฟรีที่ราชบุรีดีกว่า..
..อย่างน้อยสิ่งแวดล้อมใหม่ก็คงจะมีอะไรน่าตื่นเต้นบ้าง

หกโมงเย็น..ถึงที่หมาย เหนื่อยและร้อน แอร์ในรถดันมาเกเรซะอย่างนั้น..
ก้าวแรกที่เหยียบโรงงาน ก็รู้ตัวทันทีว่า วันนี้คงจะไม่ชิลอย่างที่คิดไว้แน่..
เห็น 3 ชีวิตกำลังเร่งทำงานกันงกงก รู้ตัวเองอีกที กางเกงที่ใส่อยู่ก็เลอะดินไปเกินครึ่ง
สุดท้ายก็ดันตกเป็นเหยื่อช่วยงานน้อง.....อย่างเมามันส์..
บอกน้องว่าไม่ได้จับมาปีกว่าแล้วนะ แต่ถ้าไว้ใจก็ส่งมาเลย
น้องคงคิดได้ เลยส่งไปนวดดิน..-_-'
เกือบปีแล้ว ที่ไม่ได้ลงไปคลุกฝุ่นนวดดินอย่างนี้..คิดถึงก้อนดินเหนียวๆหนึบๆ

มีอาการได้ยืนแคะดินออกจากเล็บอยู่ข้างอ่างน้ำ ล้างมือจนแห้งผาก รอบแล้วรอบเล่า
นวดดินได้อยู่นานสองนาน ไมมันไม่เหนี่ยวซะที
เริ่มงอแง เรียกน้องอีกคนมาแปะมือเอางานไปทำต่อ..
ระหว่างยืนมองแบบอู้ๆอยู่พักใหญ่ รู้สึกว่างและไร้ค่า
เริ่มงอแง ของานทำอีกครั้ง..
คราวนี้งานที่รับมอบ เริ่มหิน..แอบคิดกับตัวเอง เจ๊งไปทำไงวะกู
ถืองานอยู่ไม่ถึงนาที เสียงสวรรค์ก็ลอยมา.."ป่ะ ไปกินข้าวกัน"

มุ่งหน้าสู้ร้านที่ไหนไม่รู้..มาที่นี้ ไม่เคยกินข้าวร้านซ้ำกันสักที
ระหว่างทางแวะร้านหนังสือ ได้มาเล่มนึงอย่างกึ่งๆจะตั้งใจ
เป็นหนังสือตามคำบอกกล่าวว่าดี เลยไม่วายต้องขอลอง
อย่างน้อย..ระหว่างทางกลับบ้านคืนนี้ ก็มีหนังสืออยู่เป็นเพื่อนกัน

ที่ร้านข้าวต้มในตลาด...
หลังจากทุกคนเริ่มทยอยวางตะเกียบ ปากก็เริ่มว่าง วงสนทนาก็เริ่มเปิดขึ้น
เสียงยุยงจากหัวหน้าแก๊งซ์ ให้เราอยู่ค้างซะที่นี้ คืนนี้
พยายามจูงใจด้วยโปรแกรมความบันเทิงมากมาย.
สุดท้ายที่ตั้งใจว่าจะได้นั่งรถชิลๆกลับบ้านตอนกลางคืนก็เป็นอันพับเก็บไป


เพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอกก็งานนี่แหละ..
ไหนว่ะโปรแกรมความบันเทิงที่ว่า..

สุดท้ายตัวเองก็เป็นฝ่ายสร้างความบันเทิงให้ฝรั่งชื่ออาร์มานไปซะงั้น
(อาร์มานเป็นPainter จากเยอรมัน
มีProfile เป็นถึง Professor จากมหาลัยในเยอรมัน อเมริกา และอังกฤษ
มีผลงานแสดงงานมาแล้วนับไม่ถ้วน และเป็นเพื่อนพี่ติ้ว).
3 ชม.กับฝรั่งแก่ๆที่เพิ่งรู้จัก...จะคุยอะไรดีหว่า..อารมณ์กึ่มๆแบบนี้ไม่รู้จะบิ้วได้ขนาดไหนเชียวว..
เหมือนอาร์มานจะอ่านใจออก หยิบเอาChocolate สอดไส้เหล้า มาล่อใจ...
ถ้ามีใครได้ยินเสียงตอนนั้น จะรู้ได้ว่าตื่นเต้นจริงๆ เพราะไม่ได้กินนานมาก
แรกๆก็กินพร้อมชา หลังๆชักเริ่มเป็นของมึนเมา
สาระของบทสนธนา ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตามของเหลวที่ไหลลงร่างกาย
มึนและเริ่มเมา...

ที่ศาลาเรือนไทยโบราณริมน้ำ..วงสนทนาเล็กๆระหว่างบุคคลคนละมุมโลก
จากเรื่องการศึกษา สังคม วัฒนธรรม เริ่มไหลมาเป็นวงแคบลงเรื่อยๆ

จนสุดท้าย..ก็เป็นเรื่องของตัวเอง
ทำให้ 3 ชม.สั้นเพียงแค่อึดใจเดียว..วินาทีนั้นรู้สึกได้ว่าอาร์มานเป็นเหมือนพ่อคนนึง
แล้วทุกคนก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง..

ครึ่งชม.ให้หลัง มารู้ตัวอีกทีก็นั่งอยู่ในร้านก๋วยเตี่ยวซะแล้ว..
ประเด็นที่มาร้านนี้เพียงเพื่ออยากจะให้น้องคนหนึ่ง
ได้แอบมองหน้าสาวไปนอนฝันดีก่อนนอนคืนนี้..
ภารกิจที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน..ทุ่มเทและให้กำลังใจอย่างดี
แล้วคืนนี้ก็ได้ดอกดาวเรืองเหลืองอร่ามมาหนึ่งพวงจากอาร์มาน..

อาร์มานบอกว่าชีวิตเราจะได้สดใสเหมือนดอกดาวเรือง
คืนนั้นโดนบังคับให้เอาคล้องคอถ่ายรูปกับอาร์มาน
รู้สึกเหมือนท่านผู้แทนพบปะชาวต่างชาติก็ไม่ปาน

วันนั้นอาร์มานสอนพูดภาษาเยอรมันไปหลายคำมาก...แต่ตอนนี้จำไม่ได้เลยสักคำเดียว -_-'

website ของอาร์มาน งานpainting แบบimpressionist
http://www.schmittcrass.de/

1 comment:

Anonymous said...

It's so funny ... but i can imagine such a clear picture .... :)