Friday, January 05, 2007

อยู่ดอยย่ำดิน

ไอ้จ้อยสีขาวคันงาม คุณครูเกียร์กระปุกแห่งวันสันกู่

หนีความร้อนระอุ มาพึ่งความหนาวเย็น ณ สันกู่...อีกครั้ง
ด้วยอุณหภุมิเพียง 10กว่าองศา ทำให้เสื้อสี่ชั้นก็ยังไม่สามารถต้านทานได้
แต่..ขาสั้นกับเสื้อยืดบางๆก็เป็นเครื่องห่อหุ้มร่างกายไปท้าหนาวกลางลานแกลบกลางดึกอยู่บ่อยครั้ง
สตาฟฝึกหัด หรือจำเป็น หรือจะอะไรแล้วแต่ แต่ก็พาร่างกายมาคลุกอยูในครัวตลอด 4 วัน
เหนื่อยอย่างแสนสาหัส แต่ก็ทำให้เห็นอะไรแปลกๆจากผู้คนที่เดินวนเวียนผ่านเข้ามา ทั้งมีความสุขและปลงไปในเวลาเดียวกัน

"The more you stay the same, the more it seem to chenge,don't you think it's strange"

ถึงคราวนี้จะมีสถิติฟิ่วขาดไปก็ตาม ก็ถือได้ว่าผ่านมาได้อย่างดีและไม่ได้ทำให้ใครฉุนเฉียวตาม
อยากจะขอโทษ หากฟาดหางไปโดนใครเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ...
และด้วยอาการของการคลุกอยู่ในครัวอย่างแท้จริงนั้นเอง เลยกลายเป็นว่ากิจกรรมที่พึ่งจะต้องได้กระทำทั้งหลาย ก็เป็นอันอดไปโดยปริยาย..จึงทำให้ต้องตัดสินใจอยู่ต่ออีก2วัน ให้เป็นข้ออ้างไม่ต้องมาทำงานนั่งโตะที่แสนจะปวดใจ...ที่กรุงเทพมหานคร
หลังสิ้นเสียงกระหึ่มของรถบัสขนาด 40 คนนั่งค่อยๆเลื่อนหายไปตามระยะทาง บรรยากาศของความชิลก็ได้บังเกิดขึ้นอย่างรู้สึกได้ วงอาหารเล็กๆเพียงไม่กี่คน และรถสีขาวคันจ้อยที่อาศัยการขับขี่ของมือใหม่พา 5 ชีวิตออกจากความเงียบสงบปสู่แสงสียามค่ำคืนในตัวเมืองเชียงใหม่ เพียงเพื่อกาแฟ 1 แก้ว ...จำได้ว่ากาแฟแก้วนั้นถึงรสชาดจะไม่ดีเท่าไร ก็แต่กลมกล่อมไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง..ที่สามารถนั่งยิ้มและฮัมเพลงคนเดียวได้ตลอดทาง
คืนนั้นจบลงด้วยวงสนทนาเล็กๆ ณ เวลาที่ไก่เตรียมโก่งคอขันรับเช้าวันใหม่...
ก่อนกลับขอฝากรอยจารึกไว้บนบันไดด้วยการก่อสร้างบันไดสู่หอคอยแห่งความสุข(หรือส้วม)ให้เสร็จสิ้นลง ก้อนดินแข็งๆ เหลวๆ ผสมกับเสียงหัวเราะ บันไดสู่ความสุขก็เสร็จลงอย่างมีชีวิตชีวา.
อยากเอาเวลาที่เหลืออยู่ คูณสองแล้วปล่อยให้มันไหลเอื่อยๆตามทางของมันซะจริงจริง...

1 comment:

ying+ said...

อยากกลับไปแม่ริมอีกจังเลยเนอะ
เฮ้อ..
อิจฉาพี่อ้อได้อยู่นานกว่า