Monday, February 27, 2006

ลิงกับกล้วย

ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองมีblogนี้
สิ่งแรกที่คิดหลังจากเลิกงานคืออยากจะกลับมาบ้านแล้วพ่นตัวหนังสือลงไปเยอะๆ
เพียงหวังว่าจะมีหน้ากระดาษยาวๆเหมือนชาวบ้านเค้า
แบบว่า..ไม่ค่อยเน้นคุณภาพซะเท่าไร555
แต่ก็สนุกดีเหมือนนั่งลงคุยกับเพื่อนๆผ่านตัวหนังสือ..
เพื่อนที่รู้ว่าเรามีblog ก็แซวกันไปต่างๆนานา เป็นเด็กไซเบอร์บ้าง เด็กแนวบ้าง
แล้วสุดแต่ว่าพวกมันจะจินตนาการนึกคำอะไรกันออกมา
ระหว่างที่นั่งเขียนอยู่ ได้มีโอกาศคุยกับเพื่อนทางMSN.
ประเด็นที่คุยก็ไม่มีสาระเป็นปกติ แค่ถกเถียงกันว่า
ทำไมผู้หญิงทุกคนที่บอกว่าไม่ชอบเรน ถึงได้อยากดูคลิปวิดิโอของเรนกัน
ถกไปถกมา ข้อสรุปที่ได้กลับไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ว่ามาข้างต้นเท่าไร
แต่กลับกลายเป็นว่าเราเป็นผู้หญิงประหลาดที่ไม่เห็นว่าเรนเป็นสิ่งที่น่าชอบหรือชื่นชม..ซะงั้น
ก็มันไม่ชอบจริงๆหนิ แต่ถ้าให้ชื่นชมนะยังเป็นไปได้ เพราะเท่าที่รู้จักเค้าเก่งเอาการอยู่ที่เดียว
ที่มาเล่าให้ฟังนี้ไม่ใช่อะไร แต่รู้สึกอยู่คนเดียวว่าเมือกี้แวบนึงก็อยากดูคลิปนั้นเหมือนกัน ทั้งๆที่ตัวเองก็บอกว่าไม่ได้ชอบ..แปลกดีนะคนเรา
มันทำให้นึกถึงตัวหนังสือช่วงนึงในหนังสือเท่าพระอาทิตย์ของพี่จิก ประภาศ ชนศรานนท์ ที่เขียนถึงทฤษฏีหนึ่งที่เกิดจากการทดลองทางวิทยาศาตร์ของคนกลุ่มนึงเกียวกับพฤติกรรมการกินกล้วยของลิงไว้ว่า
" เมื่อในสังคมเกิดภาวะมวลวิกฤตและเกิดจำนวนวิกฤต ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่าเป็นจำนวนเท่าไรของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสังคม สังคมจะเริ่มยอมรับในพฤติกรรมอย่างใดอย่างนึง และก็จะเกิดการตัดสินใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในกลุ่มที่เหลือทั้งหมด"
ฟังดูเข้าใจยากพิลึก..สิ่งที่พี่จิกตีความไว้ก็คือ แกเปรียบเทียบข้อความทั้งหมดเป็นเหมือนไม้กระดกที่เล่นกันตอนเด็กๆ คงจำกันได้ไว้ว่าถ้าฝั่งหนึ่งมีน้ำหนักมากว่าอีกฝั่งนึงย่อมจะลอยขึ้นมา แล้วถ้าไม้กระดกนั้นไม่มีไม่กั้น เด็กทั้งหมดที่ถูกยกลอยอยู่ก็มีโอกาสไหลลงมารวมกันได้ แต่ที่น่าเอ็นดูกว่านั้นก็คือแกเปรียบเทียบว่ามันก็คล้ายกับสภาพคุ้นเคยอันนึงในการไปร้านอาหารสักร้านกับเพื่อนจำนวนหนึ่งฝูง อันนี้ขอคัดลอกลงมาเลยละกัน เพราะถ้าไปแต่งเพิ่มคงจะไม่ดีเท่าไร
"..แรกๆก็ถกเถียงกันว่าร้านเจ็อ้อยบ้าง ร้านโกบ้าง เถียงกันอยู่สักพักแล้วก็มีคนหนึ่งที่ไม่ได้คิดว่าจะไปกินร้านไหนเลยพูดขึ้นว่าไปกินเจ๊อ้อยกันดีกว่า จู่ๆทุกคนก็กลายเป็นเปลี่ยนมาเทใจให้กับร้านเจ๊อ้อยกันหมด.."
ถ้าเป็นอธิบายแบบนี้เกือบทุกคนคงร้องอ๋อกันได้
..ยกเว้นพวกที่มัวแต่เอาเวลาไปกินข้าวกับแฟน
แล้วพี่จิกก็ว่าไว้ว่าไอ้เจ้าทฤษฎีนี้แหละที่ทำให้เกิดการเทคะแนนเสียงในช่วงหัวโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งเสมอ..เอาไว้เลือกตั้งครั้งหน้าจะลองสังเกตดู
แต่จริงๆแล้ว น่าจะให้ทฤษฎีนี้สำเร็จผลในการขับไล่ทักษิณจะเป็นการดีกว่าหลายเท่านัก
..จิงม่ะ

No comments: